"ฮานามารุ"ครบเครื่องเรื่องภาษา-ต่อยอดเกษตรแดนอาทิตย์อุทัย

ปัจจุบันการศึกษาต่อต่างประเทศมีทางเลือกให้กับผู้เรียนมากมายหลายสาขา ทั้งด้านภาษา วิชาชีพ ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละคนแต่เมื่อเรียนไปแล้วการนำวิชาความรู้ไปใช้ประกอบสัมมาชีพให้ตรงหรือเหมาะสมก็เป็นเรื่องสำคัญ นอกจากวิชาความรู้แล้วภาษายังมีความสำคัญเช่นภาษาอังกฤษที่หลายคนนิยมไปเรียนต่อในประเทศแถบยุโรป

ในแถบเอเซียก็เช่นกัน ในที่นี้จะขอกล่าวถึงการศึกษาในประเทศ"ญี่ปุ่น"ที่นอกจากเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นประเทศที่มีนวัตกรรม  เทคโนโลยี ที่สำคัญและน่าสนใจหลายด้าน ดัง เช่น"การเกษตร"ญี่ปุ่นถือว่ามีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากภาคเกษตรยังต้องการแรงงาน ด้วยความจำเป็นนี้โรงเรียนสอนภาษาต่าง ๆ นอกจากจะสอนภาษาแล้วยังแนะนำช่องทางหรือส่งเสริมเพื่อให้ได้เรียนรู้ด้านการเกษตรที่ประเทศดังกล่าวด้วย ถือเป็นกำไรต่อผู้ศึกษาอย่างมาก



"ไดซากุ ยานากิฮาระ"อาจารย์ใหญ่โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นฮานามารุ บอกว่า โรงเรียนแห่งนี้เปิดสอนมาได้ 7ปี ตั้งแต่ปี 2012 รับสมัครเด็กตั้งแต่อายุ 18 ปีหรือจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6  รวมทั้งตนสอนภาษาที่สถาบันสอนภาษาญี่ป่นที่พระราม 9 ด้วย ลักษณะเด่นของที่นี่คือจะเปิดสอนเฉพาะนักเรียนหรือผู้สนใจไปเรียนหรือทำงานต่อที่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น



ทั้งนี้เนื่องจากต้องการให้ผู้เรียนนำภาษาไปต่อยอดเพื่อเพิ่มศักยภาพให้ตนเองต่อไป และ 95 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนที่จบจากที่นี่มีจุดมุ่งหมายที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น การเรียนที่นี่นักเรียนจะอยู่กันแบบน้อง ช่วยกันทำอาหารและรับประทานร่วมกันในช่วงกลางวันและอาหารเย็น และจะมีหอพักให้กับนักเรียนด้วย



"นักเรียนที่นี่เมื่อเรียนภาษาสำเร็จเรียบร้อยแล้วจะไปฝึกงานหรือเรียนต่อภาคการเกษตรที่ญี่ปุ่นเพราะมีฟาร์มเลี้ยงไก่อันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นรับนักศึกษาฝึกงานและมีอัตราค่าจ้างให้ด้วย ทั้งนี้ใช้เวลาในการเรียน 6 เดือนขอวีซ่านักศึกษาเรียน200- 300ชั่วโมงนอกจากจะสอนภาษาแล้ว ยังสอนเกี่ยวกับะเรียบวินัยของประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งจะเน้นรับเด็กที่มีพื้นฐานครอบครัวมาจากเกษตรกรและอาจมีปัญหาค่าใช้จ่ายและเมื่อฝึกงานหรือเรียนจบจากญี่ปุ่นแล้วก็สามารถนำเทคโนโลยีมาพัฒนาในพื้นที่ของตนเองได้ สำหรับการฝึกงานจะได้รับตอบแทน 500 บาทต่อชั่วโม ฝึกงาน 4 ชั่วโมงต่อวันเนื่องจากได้รับวีซ่าฝึกงาน"


ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นมีปัญหาขาดแคลนแรงงานในสาขาอาชีพงานช่างโรงงาน  ดูแลผู้สูงอายุ การเกษตร  กิจการด้านอาหาร ทำให้ต้องใช้แรงงานจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสผู้ที่สนใจเมื่อข้ามาเรียนภาษาและวัฒนาธรรมของญี่ปุ่นแล้วจะได้ต่อยอดภาษาและมีประสบการณ์จริงเมื่อเรียนสำเร็จโดยการเดินทางฝึกงานหรือทำงานได้โดยตรงโดยใช้เวลาเพียง 2 ปีตั้งแต่เริ่มเรียนและสำเร็จจากการฝึกงาน เพราะนอกจากจะได้รับประสบการณ์แล้วยังมีรายได้ด้วยจึงถือเป็นช่วงที่เวลาที่น่าสนใจและเป็นเรื่องที่ดีสำหรับนักเรียนที่ต้องการหาโอกาสให้กับตนเองทั้งการเรียนภาษาและประสบการณ์การตรง



อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ไปฝึกงานมีปัญหาในเรื่องการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกตามระเบียบของสถานที่ฝึกงานเช่นการเข้านอนในเวลาที่กำหนด ที่เด็กบางคนยังมีปาร์ตี้ เล่นดนตรี จึงทำให้ทำไมที่นี่จึงมีความเข้มข้นและเข้มงวดอย่างมากในการสอนภาษาและระเบียบวินัยของประเทศญี่ปุ่นที่จำเป็นและควรรู้เมื่อเดินทางไปที่นั่นจะได้ปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง


สำหรับการเปิดรับสมัครจะมี 3 รอบต่อปีคือ  รอบแรกมีนาคม เดินทางเดือนกรกฎาคม  รอบที่สามสองเดือนพฤษภาคมเดินทางกันยายน  รอบที่สามสิ้นเดือนพฤศจิกายนเดินทางเมษายน โดยเอกสารที่มีคือวุฒิการศึกษาในกรณีที่ต้องไปศึกษาต่อ  สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนรวมทั้งของบิดา มารดา


หนึ่งตัวอย่างนักเรียนที่ได้เข้าเรียนภาษาที่โรงเรียนแห่งนี้ "ศราวุธ  กลึงพุดชา" ได้เล่าถึงประสบการณ์ ที่ได้เรียนภาษาญี่ปุ่นจากสถาบันแห่งนี้ว่า ภายหลังจบการศึกษาจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลพบุรี ในระดับปวส. แล้วได้เข้าเรียนในสถาบันแห่งนี้เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา โดยเรียนรู้เกี่ยวกับตัวอักษร ตลอดจนบทสนทนาต่าง ๆ ที่การเรียนมีความเข้มข้น อาจาย์ผู้สอนเอาใจใส่นักเรียน ทุกขั้นตนตอน มีการเรียนการสอนแบบทหาร และอยากให้ผู้ที่สนใจหรือน้อง ๆ ที่ต้องการพูดภาษาญี่ปุ่นที่นี่ถือเป็นสถาบันที่มีความชำนาญและมีความสามารถ


"สำหรับค่าใช้จ่ายในการเข้ามาศึกษาของตนอยู่ที่ 5 หมื่นบาท เป็นค่าลงทะเบียน ตลอดจนค่าวีซ่า เป็นต้นโดยใช้ระเวลา 3- 4  เดือนก่อนจะเดินทางไปฝึกงานเกี่ยวกับด้านปศุสัตว์คือการผสมเทียมที่ประเทศญี่ปุ่นเนื่องจากในขณะนี้ที่เรียนในประเทศไทยได้เลือกเรียนเกี่ยวกับสาขาดังกล่าว โดยฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 3 ปี และได้รับค่าตอบแทนประมาณ 45,000 บาท และหากรวมค่าล่วงเวลาจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 บาท ต่อเดือน"


นางสาวเบญจวรรณ ตุ้มเล็ก  อายุ 19 ปี  กล่าวว่า จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่ จว.ราชบุรีในสายวิทย์ฯ-คณิตฯ และสมัครเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช(มสธ.) และในขณะเดียวกันได้สมัครเข้าเรียนที่สถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นแห่งนี้ เนื่องจากมีความมุ่งมั่นและตั้งใจว่าจะไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นเกี่ยวกับวิชาการเกษตรเนื่องจากประเทศดังกล่าวมีนวัตกรรมที่ทันสมัยและจะได้นำมาปรับใช้ในประเทศของเรา  รวมทั้งพี่สาวของตนเองก็ได้เข้ามาเรียนภาษาญี่ปุ่นที่นี่เช่นกันและในขณะนี้กำลังเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น

"มีความตั้งใจที่อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นและอยากเดินทางไปประเทศดังกล่าว ทั้งนี้สามารถต่อยอดอาชีพหลายอย่าง  สำหรับการเรียนที่นี่มีความเป็นอยู่แบบพี่น้องอาจารย์ให้การดูแลและสอนเป็นอย่างดี  ก่อนเริ่มเรียนที่นี่จะฝึกฝนตนเองมาก่อนเช่นการหัดอ่านอักษรญี่ปุ่น จากสื่ออนไลน์ รวมทั้งการท่องตำศัพท์ต่าง ๆ"
























ความคิดเห็น