นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในแต่ละปีประเทศไทยนำเข้าเห็ดร่างแหชนิดอบแห้งไม่ต่ำกว่า 6,500 ตัน/ปี คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทจากประเทศจีน ซึ่งมีการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการเพาะเห็ดร่างแหอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 80 ปี ในขณะที่หลายประเทศพยายามพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเห็ดร่างแห เพราะเป็นเห็ดที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญมากมายหลายชนิด ดังนั้นเห็ดร่างแหจึงเป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการในปริมาณมาก
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า จากการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการเพาะเห็ดร่างแหพบว่าเห็ดหลินจือเป็นวัสดุผลิตเชื้อขยายที่ดี ทำให้เส้นใยเจริญได้ดี มีความหนาแน่นมาก และใช้ระยะเวลาบ่มเชื้อน้อยเพียง 30 วัน ส่วนสูตรอาหารที่เหมาะสมสำหรับการผลิตเชื้อเพาะ คือ สูตรที่มีส่วนผสมของขี้เลื่อยไม้ยางพารา:รำละเอียด:ปูนขาว:ดีเกลือ:ยิปซัม อัตรา 90:5:1:2:2 ซึ่งใช้เวลาบ่มเชื้อเพียง 32 วัน และวัสดุเพาะที่เหมาะสมต่อการเกิดดอก คือสูตรที่มีส่วนผสมของใบไผ่และกิ่งไผ่:แกลบดิบ:ขุยมะพร้าว อัตรา 50:25:50 ทำให้การพัฒนาตุ่มดอกจนเก็บผลผลิตครั้งแรกใช้เวลาเฉลี่ย 27- 35 วัน
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเห็ดร่างแหสายพันธุ์ไทยไปสู่เกษตรกรทั้งวิธีการเพาะในตะกร้าซึ่งให้ผลผลิตสูงสุด 794 กิโลกรัมต่อตะกร้าเพาะ เพาะแบบวิธีขึ้นชั้นให้ผลผลิตเฉลี่ยสูง 3,170 กรัม และเพาะในแปลงให้ผลผลิตประมาณ 2 กิโลกรัม รวมทั้งได้จัดทำแปลงขยายผลร่วมกับวิสาหากิจชุมชนสวนลุงวร อ.ควนเนียง จ.สงขลา เพื่อให้เกษตรกรสามารถประยุกต์ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่เพาะเห็ดร่างแหเพื่อบริโภคในครัวเรือนและเป็นรายได้เสริมอาชีพหลัก
เห็ดร่างแหสายพันธุ์ไทยมีกลุ่มสารสำคัญซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีส่วนช่วยกระบวนการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจและสมอง มีประโยชน์ต่อผู้บริโภคในด้านเป็นอาหารบำรุงสุขภาพและบำบัดโรคเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัยและกลุ่มผู้รักสุขภาพ ในส่วนของวัสดุที่เหมาะสมต่อการเกิดดอกเมื่อผ่านกระบวนการเก็บผลผลิตแล้ว ยังสามารถนำมาใช้เป็นวัสดุปลูกให้แก่พืชผักได้อีกทางหนึ่ง
เนื่องจากมีอินทรียวัตถุและสารอาหารที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้ หากสนใจเทคโนโลยีการเพาะเห็ดสายพันธุ์ไทยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา โทร.0-7458-6725
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น