"เกษตรฯ"แก้ปัญหาสารตกค้างผัก-ผลไม้ พบใช้สารต้องห้ามเพิกถอนใบรับรอง

กรมวิชาการเกษตร  เตรียมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการตรวจสอบสารตกค้างในสินค้าเกษตรทั้งที่นำเข้าและผลิตในประเทศ  ย้ำหากพบสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานพบสารตกค้างเกินความปลอดภัยจะแจ้งเตือนผู้ผลิต  และหากลักลอบใช้สารต้องห้ามถึงขั้นเพิกถอนใบรับรอง

นายพิเชษฐ์   วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากการที่กรมวิชาการเกษตรได้ตรวจสอบข้อมูลตามที่กลุ่มเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) แถลงข่าวตรวจพบสารตกค้างในผักและผลไม้เกินมาตรฐานความปลอดภัย โดยสุ่มตรวจตัวอย่างสินค้าเกษตร 509  ตัวอย่างแบ่งเป็นการสุ่มจากห้างโมเดิร์นเทรด 6 แห่งจำนวน 201  ตัวอย่าง สุ่มจากตลาด  10 แห่ง  308  ตัวอย่าง



ซึ่งมีทั้งตัวอย่างนำเข้าและตัวอย่างที่ผลิตในประเทศทั้งที่ได้รับรองมาตรฐานและไม่ได้รับรองนั้น  ข้อมูลดังกล่าวกรมวิชาการเกษตรจะนำมาใช้ในการตรวจสอบสินค้าที่ตรวจพบปัญหาดังกล่าวต่อไป  รวมทั้งจะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุขในการบูรณาการตรวจสอบร่วมกันเพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทยปลอดภัยมากที่สุดสมกับการเป็นครัวของโลก

ภายหลังจากที่ไทยแพนรายงานผลการสุ่มตรวจสารตกค้างในผลผลิตทางการเกษตร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบทันที  พบว่า ตัวอย่างสินค้าที่มีการตรวจพบสารตกค้าง โดยเฉพาะในองุ่นแดงนอกและพุทราจีน เป็นสินค้านำเข้าที่กำกับดูแลโดยด่านอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขซึ่งในส่วนของด่านตรวจพืช กรมวิชาการเกษตร ดำเนินการตรวจเฉพาะศัตรูพืชกักกันเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตามกรมวิชาการเกษตรจะได้หารือร่วมกับอย.ในการกำกับดูแลสินค้านำเข้าพร้อมกับทบทวนการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าแนวชายแดนใหม่  เพื่อป้องกันไม่ให้พบปัญหาสารตกค้างในสินค้าที่นำเข้าทุกชนิด  




สำหรับสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานต่าง ๆ รวม 50 ตัวอย่าง ทั้งหมดเป็นสินค้าที่วางจำหน่ายในห้าง Modern Trade ได้แก่มาตรฐาน Organic Thailand, Q GAP, Thai GAP, PGS, มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ต่างประเทศ  กรมวิชาการเกษตรจะมีการตรวจสอบรหัสรับรองโดยละเอียดเพิ่มเติม   

หากเป็นรหัสรับรองที่ถูกต้องและพบว่าสินค้ามีสารตกค้างเกิน MRL กำหนด จะแจ้งไปยังหน่วยงานรับรองในพื้นที่เพื่อตรวจสอบและดำเนินการแจ้งเตือนเกษตรกรเพื่อแก้ไขปรับปรุง กรณีตรวจพบใช้สารเคมีที่ไม่อนุญาตให้ใช้ในประเทศไทยแล้ว จะเพิกถอนการรับรอง และจะได้ประสาน Thai-PAN  

เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับตรารับรองมาตรฐานอื่นเพื่อตรวจสอบแหล่งผลิตต่อไป  ส่วนกรณีสินค้าที่ไม่ได้รับรองมาตรฐานในตลาดค้าส่งและค้าปลีก จะวางมาตรการควบคุมการใช้สารเคมีที่ถูกต้องและปลอดภัยโดยจัดอบรมเพื่อสร้างการรับรู้และให้แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องและปลอดภัยต่อไป  




กรมวิชาการเกษตรได้เดินหน้าต่อเนื่องในการนำเสนอสิ่งทดแทนวัตถุอันตรายที่ยกเลิกการขึ้นทะเบียนแล้ว โดยมีมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว  การวิจัยพัฒนาสารชีวภัณฑ์และสารสกัดจากพืชมาทดแทนสารเคมีเกษตรอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งปัจจุบันมีชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชแนะนำให้เกษตรกรใช้แล้ว 17 ชนิด โดยแนะนำให้ใช้แบบผสมผสานในระบบเกษตรปลอดภัย (GAP)  และใช้กำจัดศัตรูพืชในระบบเกษตรอินทรีย์   

แนวทางในการขึ้นทะเบียนเพื่อให้มีสารชีวภัณฑ์และสารสกัดจากพืชมาใช้กำจัดวัชพืช แมลงและโรคพืชเพิ่มมากขึ้นในอนาคต กรมจะจัดความสำคัญในการขึ้นทะเบียนเป็นลำดับแรกและลดขั้นตอนความยุ่งยาก  แต่ยังคงเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยต่อคน สัตว์และสิ่งแวดล้อม  และในระยะยาวจะมีการเร่งรัดงานวิจัยเพื่อให้มีการพัฒนาสารจำกัดศัตรูพืชที่ปลอดภัย  มีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ






ความคิดเห็น