"เกษตร"เดินหน้าแปลงใหญ่สมุนไพร

"เฉลิมชัย"สั่งเดินหน้าส่งเสริมปลูกพืชสมุนไพร รองรับการขยายตัวของตลาดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน ส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดการรวมกลุ่มกันผลิตภายใต้ระบบส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนวโน้มการบริโภคสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรในไทย พบว่า ตั้งแต่ปี 2560 - 2563 มีอัตราการเติบโตประมาณ 10% ต่อปี ขณะที่พื้นที่ปลูกสมุนไพร มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยมาจากความต้องการของตลาด และนโยบายการส่งเสริมทั้งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข ที่มีนโยบายส่งเสริมให้โรงพยาบาลของรัฐนําสมุนไพรมาใช้ในการรักษาโรคควบคู่กับการใช้ยาแผนปัจจุบัน เป็นต้น 



จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังส่งผลทําให้ประชาชนหันมาใส่ใจดูแลเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ได้หันมาให้ความสนใจในการบริโภคสมุนไพร ซึ่งพบว่ามูลค่าของผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในประเทศ มีอัตรการเติบโตเฉลี่ย 10.3% ภายหลังประกาศใช้แผนแม่บทแห่งชาติ ว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ 1 พ.ศ.2560 - 64 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตมากกว่าจีน ที่เติบโตเฉลี่ย 5.06% ญี่ปุ่น 0.85% และเกาหลีใต้ 5.43% ขณะที่ในตลาดโลกพบว่ามีมูลค่าการบริโภคสมุนไพรมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน



การศึกษายังพบว่าปัจจุบันสมุนไพรไทยได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์หลากหลายทั้งในการประกอบอาหารเป็นยารักษาโรค อาหารเสริมดูแลสุขภาพ และ เป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ปัจจุบันความต้องการใช้สมุนไพรเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากมูลค่าการบริโภควัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพร ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 43,100 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 52,100 ล้านบาท ในปี 2462 ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ และมุ่งเน้นใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมากขึ้นทำให้เกิดแรงหนุนเรื่องธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้านสุขภาพ รวมถึงโครงสร้างประชากรและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งเรื่องสังคมผู้สูงอายุ และกระแสค่านิยมการบริโภคอาหารปลอดภัย  มากขึ้นด้วย



กระทรวงเกษตรฯ จึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาดของพืชสมุนไพรที่มีทิศทางการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนับเป็นผลดีกับเกษตรกร จึงมีนโยบายขับเคลื่อนการพัฒนาพืชสมุนไพรไทย และพืชทางเลือกอื่น ๆ โดยเน้นให้เกิดความเชื่อมโยงในการพัฒนาตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง โดยใช้หลักการ “ตลาดนําการผลิต” ที่เน้นผลิตพืชที่มีศักยภาพ มีความต้องการของตลาด และที่สำคัญสอดล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมุนไพรไทย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาและทรัพยากรของประเทศ




นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้มีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาพืชสมุนไพรไทย เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการวัตถุดิบสมุนไพร และคณะทํางานขับเคลื่อนพัฒนาผลิตผลสมุนไพรที่มีศักยภาพ มาขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้จัดทำแผนที่ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับปลูกพืชสมุนไพร (Land Suitability) ที่สำคัญ และเป็นที่ต้องการของตลาด จำนวน 24 ชนิด ได้แก่ ขมิ้นชัน ไพล บัวบก กระชายดำ ฟ้าทะลายโจร กระชายเหลือง กระวาน ข่า ขิง คำฝอย ตะไคร้ บุก พริกไทย และว่านชักมดลูก กระเจี๊ยบแดง เก๊กฮวย ดีปลี บอระเพ็ด พญายอ เพชรสังฆาต มะระขี้นก มะลิ  มะแว้งเครือ มะแว้งต้น



จากการที่ได้เปิดให้เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรมาขึ้นทะเบียน พบว่า เกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนรวม 2,866 ครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย ดังนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดการรวมกลุ่มกันผลิตภายใต้ระบบส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งปัจจุบันสามารถจัดตั้งเกษตรแปลงใหญ่สมุนไพรได้ถึง 34 แปลง ใน 21 จังหวัด เกษตรกรสมาชิก 1,531 ราย คิดเป็นพื้นที่ 5,500 ไร่ และเพื่อยกระดับการผลิต ในปี 2565 กรมส่งเสริมการเกษตรได้เสนอของบประมาณจัดทำโครงการส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิตสินค้าพืชสมุนไพร เพื่อขยายกลุ่มเกษตรกรเป้าหมายให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 77 จังหวัดด้วย








ความคิดเห็น